โรคกรดไหลย้อน ( Gastroesophageal Reflux Disease )
หมายถึง ภาวะที่กรดในกระเพาะไหลย้อนมาในหลอดอาหาร ทำให้เกิดการอักเสบของหลอดอาหาร และลุกลามไปเรื่อยๆ ถ้าเข้าปอดก็อาจทำให้ปอดอักเสบ และติดเชื้อซึ่งถ้าไม่รีบรักษา ก็อาจทำให้ถึงกับเสียชีวิตได้ ซึ่งโรคนี้ยังไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ ยิ่งไปกว่านั้น โรคนี้อาจทำให้เป็นแผลรุนแรงจนตีบ หรือทำให้เกิดเป็นมะเร็งในหลอดอาหารได้ จึงทำให้เป็นปัญหากวนใจของหลายๆคน ในการใช้ชีวิตประจำวันทั้งเวลานอนและก็เวลาตื่น เป็นอย่างมาก ซึ่งท่านไหนที่ยังไม่รู้หรือสงสัยว่า ตัวเองอาจจะเป็นโรคนี้อยู่ ท่านลองสังเกตุ อาการของท่าน ดังนี้
อาการของกรดไหลย้อน
- ปวดแสบปวดร้อนบริเวณหน้าอก และ ลิ้นปี่ ตรงกลางหน้าอก หรือที่เรียกว่าร้อนใน (Heart Burn) บางครั้งอาจจะร้อนขึ้นคอ ซึ่งมักเกิดขึ้นหลังรับประทานอาหาร
- รู้สึกเหมือนกับว่ามีก้อนอะไรติดอยู่ที่คอ กลืนอาหารลำบาก ติดๆขัดๆ
- เจ็บคอหรือแสบลิ้น ช่วงตอนเช้า
- รู้สึกเหมือนมีรสขมของน้ำดี มีรสเปรี้ยวของกรดใน คอหรือปาก ออกมา
- มีเสมหะอยู่ในคอ หรือ ระคายเคืองอยู่ตลอดเวลา
- มีอาการเรอเปรี้ยวบ่อยๆ คลื่นไส้ บางครั้งก็อาเจียน
- รู้สึกจุกแน่นที่หน้าอก ที่ไม่ได้เกิดจากโรคหัวใจ
- มีอาการท้องอืด จุกเสียด แน่นท้อง
- บางครั้งก็รู้สึกปวดหลัง ร่วมด้วย
- เสียงแหบเรื้อรัง หรือ แหบเฉพาะตอนเช้า หรือมีเสียงผิดปกติจากเดิม
- ไอเรื้อรัง รู้สึกสำลักในเวลากลางคืน
- เป็นโรคหืดที่ไม่ตอบสนองต่อการรักษาด้วยยาตามปกติ
- เป็นโรคปอดอักเสบ เป็นๆหายๆ
- มีปัญหากับระบบขับถ่าย ท้องผูก ถ่ายยาก
สาเหตุของกรดไหลย้อน
- เป็นผลพ่วงมาจาก โรคกระเพาะอาหาร ที่เป็นมานาน
- การดื่มสุรา
- โรคอ้วน
- การตั้งครรภ์
- การสูบบุหรี่
- ชอบทานอาหารรสจัด เช่น เปรี้ยว เผ็ด
- ชอบทาน ช็อกโกแลต
- ชอบทานอาหาร จำพวกของมัน ของทอด อาหารไขมันสูง
- ชอบทาน หอม กระเทียม มะเขือเทศ
- การรับประทานอาหารอิ่มจนเกินไปทำให้ หูรูดหลอดอาหารเปิดออกง่ายขึ้น
- เวลารับประทานอาหารเสร็จแล้ว ก็เอนกายลงนอนทันที (อันนี้แน่นอนสำหรับหลายๆคน)
- อาการเครียดของหลายๆสาเหตุ
วิธีรักษาโรคกรดไหลย้อน
การรักษาด้วยยา
- ยาลดกรด (Antacid) ลดความเป็นกรดของน้ำย่อยในกระเพาะอาหาร
- ยากระตุ้นให้มีการเคลื่อนไหวของทางเดินอาหาร (Prokinetics)ช่วยการบีบตัวของกระเพาะอาหารให้เคลื่อนย้ายอาหารเร็วขึ้น
- ยากลุ่ม H2 Reciptor Antagonists ออกฤทธิ์ยับยั้นฮีสตามีน ทำให้กระเพาะอาหารหลั่งกรดลดลง
- กลุ่มยับยั้ง Proton Pump Inhibitors:PPI ช่วยยับยั้งโปรตอนบั้มที่อยู่ในกระเพาะอาหารซึ่งเป็นกลไกขั้นสุดท้ายของการหลั่งกรด สามารถลดกรดได้อย่าสมบูรณ์
- กลืนแป้งตรวจกระเพาะอาหาร
- การส่องกล้องตรวจกระเพาะ
การผ่าตัด
เป็นวิธีผ่าตัดสำหรับผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรง รักษาด้วยวิธีอื่นแล้วไม่ได้ผล ซึ่งเป็นการผ่าตัดปรับแต่งกระเพาะอาหารและหูรูดกระเพาะอาหาร ซึ่งการผ่าตัดอาจทำให้อาการดีขึ้นและหาย หรืออาจจะแย่ลง อันนี้ก็ต้องอยู่ที่ว่าจะเกิดโรคแทรกซ้อนอีกหรือไม่
ซึ่งแน่นอนว่า ทุกคนคงไม่อยากต้องการรักษาโดยวิธีผ่าตัดแน่นอน ผมก็เช่นกัน เพราะโรคนี้ผมเคยเป็นมาแล้ว และแน่นอนว่า มันบั่นทอนสุขภาพ และกวนใจในการดำเนินชีวิตของผมอยู่ตลอดเวลา แต่วันนี้ผมกลับมาใช้ชีวิตแบบคนปกติได้แล้ว โดยใช้เวลาประมาณ 3-4 เดือน จากการดูแลรักษาโดยที่ผมศึกษาเอาเอง อย่างเคร่งครัด คุณไม่จำเป็นจะต้องเชื่อและทำตามผมทั้งหมดนะครับ เพราะการดำเนินชีวิตของแต่ละคนมันไม่เหมือนกัน แต่ผมก็อยากให้คนที่กำลังเป็นโรคนี้อยู่หายจากการทรมานในครั้งนี้เสียที เพราะผมเข้าใจถึงความเจ็บปวดของมัน และก็ขอเป็นกำลังใจให้สำหรับผู้ที่ต้องการหายจากโรคนี้ มาดูกันว่าผมทำอย่างไรบ้าง?
เปลี่ยนพฤติกรรมเกี่ยวกับ การกิน การนอน.
- งดอาหารรสจัดทุกประเภท ทั้งเปรี้ยว เผ็ด มัน ไขมันสูง แน่นอนว่าต้องเป็นอาหารอ่อนๆที่ทานง่าย ย่อยง่าย และก็ไม่ระคายเคืองกระเพาะอาหาร เช่น โจ๊ก ข้าวต้ม ต้มจืด เป็นต้น
- ทานอาหารน้อยๆ แต่ทานบ่อยๆ เช่น ทานไม่ต้องอิ่ม นิดเดียว แต่เปลี่ยนจาก 3 มื้อเป็น 4 มื้อ หรือ ทานพวกผักหรือผลไม้แทนเวลาหิว งดทานผลไม้รสเปรี้ยว
- เมื่อทานอาหารเสร็จไม่ควรนอนทันที ควรเดินเล่น หรือนั่งดูทีวี ฟังเพลง อ่านหนังสือ หรือ ทำกิจกรรมอื่นๆ สัก 1 ชั่วโมงขึ้นไปแล้วค่อยนอน
- บางคนชอบทานอาหารตอนดึก เสี่ยงต่อการกินแล้วก็นอนทันที หากจำเป็นต้องกินควรเลือกอาหารที่เป็นของร้อนๆ เพราะจะช่วยให้ย่อยเร็วขึ้น และก็ไม่ควรเข้านอนทันทีหลังทานเสร็จ
- ควรนอนตะแคงซ้าย หรือทับด้านของหัวใจ เพราะไปศึกษาเจอว่า การนอนตะแคงขวา กระเพาะอาหารจะอยู่สูงกว่าหลอดอาหารทำให้มีแรงกดต่อหูรูดหลอดอาหาร จนเปิดกว้างออกทำให้กรดไหลย้อนออกได้
- ไม่ควรนอนราบ ให้ลองปรับระดับของเตียงให้ศีรษะและลำตัวสูงขึ้น หรือเฉียงสักประมาณ 45 องศา
- ไม่ใส่เสื้อผ้าหรือเข็มขัดรัดแน่นจนเกินไป
- ควบคุมน้ำหนักและไม่ก้มหน้าหลังทานอาหารเสร็จ
- บางคนเรอ แล้วมีเศษอาหารออกมาด้วย ควรงดการเรอเท่าที่จะทำได้ เพราะเรอออกมาแล้วมีเศษอาหารออกมา น้ำกรดก็จะออกมาด้วย
- หาวิธีลดอาการเครียดให้ได้ แนะนำให้ ออกกำลังกาย ดูรายการตลก หนังตลก วาไรตี้โชว์ หรือกิจกรรมอะไรก็ได้ที่ไม่ได้ใช้สมองคิดอะไรมาก
- บางคนไปหาหมอมาแล้วได้ยามา ก็กินยาตามคำแนะนำของหมอร่วมด้วย ก็จะหายเร็วขึ้น
- ขมิ้นชัน สรรพคุณ ช่วยลดไขมันในตับ สมานแผลภายในกระเพาะอาหาร ช่วยย่อยอาหาร ทำความความสะอาดลำไส้ เปลี่ยนไขมันให้เป็นกล้ามเนื้อ ต่อต้านอนุมูลอิสระป้องกันมะเร็งตับ สร้างภูมิคุ้มกันให้กับผิวหนัง กำจัดเชื้อราที่ปนเปื้อนมากับอาหารที่รับประทานเข้าไปและสะสมในร่างกายจนก่อตัวเป็นเซลล์มะเร็ง ช่วยขับน้ำนมให้สตรีหลังการคลอดบุตรได้ดี
- นำเอาหัวขมิ้นชัน มาล้างคัดเอาหัวใหญ่ๆ ฝานเป็นแผ่น เสร็จแล้วน้ำไปตากแห้งสัก 1-2 วัน แล้วจึงน้ำมาปั่นเป็นผง ขนาดรับประทานก็ประมาณ 1 ช้อนชาผสมกับน้ำอุ่น 1 แก้ว ผมมักจะดื่มก่อนอาหารประมาณครึ่งชั่วโมง เน้นมากต้องเป็นเวลานี้ 07.00-09.00 น.ไปศึกษามาแล้วว่าเวลานี้เป็นเวลาที่กะเพาะอาหารทำงานดีที่สุด ทำให้หายเร็วขึ้น เพราะรักษาได้ตรงจุด
สำหรับหลายๆคนที่กำลังเป็นโรคนี้อยู่ก็อย่าเพิ่งท้อ นะครับ ใช่อยู่ว่าต้องใช้เวลานานในการรักษา กว่าที่มันจะหายหรือดีขึ้น ดังนั้นการดูแลสุขภาพของตัวเราเองให้ดีที่สุด เป็นสิ่งที่เราควรต้องทำอย่างเป็นประจำนะครับ ดังสุภาษิตที่ว่า "อโรคยา ปรมาลาภา " : "ความไม่มีโรคเป็นลาภอันประเสริฐ "
สุดท้ายนี้ขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายในสากลโลก จงดลบันดาลให้กับท่านที่กำลังเป็นทุกข์อยู่ ขอให้พ้นทุกข์ และ มีความสุข ปราศจากโรคภัยทั้งหลายทั้งปวง ด้วยเทอญ...
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น